วันพุธที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2556

นโยบายอุตสาหกรรมรถยนต์ฉบับใหม่ของมาเลเซีย

รัฐบาลมาเลเซียกำลังเตรียมการประกาศนโยบายอุตสาหกรรมรถยนต์ล้อแม็กซ์ฉบับใหม่เร็วๆ นี้ ซึ่งคาดว่าอาจเป็นประมาณเดือนพฤษภาคม-มิถุนายนนี้ โดยนโยบายฉบับใหม่จะยกเลิกการปกป้องอุตสาหกรรมรถยนต์แห่งชาติไม่ว่าจะเป็นทางด้านภาษีหรือข้อกีดกันอื่นๆ
          อย่างไรก็ตามบุคคลที่คุ้นเคยกับรัฐบาลมาเลเซียเป็นอย่างดีและบุคคลในวงการอุตสาหกรรมรถยนต์ในมาเลเซียต่างก็กล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่า ไม่มีทางเป็นไปได้เลยที่นโยบายอุตสาหกรรมรถยนต์ฉบับใหม่จะก่อให้เกิดการเปิดตลาดรถยนต์ในมาเลเซียอย่างเสรี รวมทั้งจะยังคงไม่เป็นไปตามข้อตกลงเขตการค้าเสรีอาเซียน (อาฟต้า) ซึ่งมาเลเซียได้มีพันธกรณีไว้

          บุคคลเหล่านี้ยังเชื่อด้วยว่ามาเลเซียจะยังคงอัตราภาษีนำเข้าและภาษีสรรพสามิตไว้สูงต่อไปสำหรับรถยนต์ที่นำเข้ามาจากประเทศนอกกลุ่มอาเซียน และบริษัทโปรตอนผู้ผลิตรถยนต์แห่งชาติจะยังคงได้รับสิทธิพิเศษทางด้านภาษีนำเข้าชิ้นส่วนประกอบรถยนต์ที่ต่ำกว่าบริษัทรถยนต์ต่างชาติที่เข้ามาประกอบรถยนต์ในมาเลเซียต่อไป รวมทั้งจะได้รับการสนับสนุนด้านการวิจัยและพัฒนาจากรัฐบาลอีกด้วย แต่ก็เป็นไปได้ว่ารัฐบาลจะสนับสนุนการเข้ามาลงทุนของต่างชาติในการตั้งโรงงานประกอบรถยนต์ในประแทศมาเลเซียมากขึ้นด้วยการลดภาษีนำเข้าและภาษีสรรพสามิตให้กับผู้ลงทุนต่างชาติ
          ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2005 เป็นต้นมา รถยนต์และชิ้นส่วนประกอบที่ผลิตในประเทศกลุ่มอาเซียน รวมทั้งรถยนต์ต่างชาติที่ใช้วัตถุดิบในกลุ่มอาเซียน (Local content) ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 40 ได้มีการปรับให้เสียภาษีนำเข้าร้อยละ 20 อันเป็นผลจากการที่มาเลเซียขอผ่อนผันการนำรายการสินค้ารถยนต์เข้าสู่การลดเลิกภาษี โดยได้ขอเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2004 ที่อัตราภาษีร้อยละ 25 และร้อยละ 35 และจะลดอัตราภาษีลงเหลือร้อยละ 0-5 ภายในปี 2008 ซึ่งล่าช้าตามที่กำหนดไว้ในข้อตกลงอาฟต้าถึง 5 ปี ในขณะเดียวกันมาเลเซียก็ได้ปรับอัตราภาษีสรรพสามิตสำหรับรถยนต์และชิ้นส่วนประกอบเพิ่มสูงจากร้อยละ 30 100 ในปี 2004 มาเป็นร้อยละ 40-250 โดยอ้างว่าเพื่อรักษาระดับรายได้ของรัฐบาล ซึ่งการปรับอัตราภาษีสรรพสามิตสูงขึ้นดังกล่าวทำให้รถยนต์และชิ้นส่วนประกอบนำเข้ายังคงมีราคาสูงเช่นเดิมแม้ว่าจะปรับลดอัตราภาษีนำเข้าแล้ว ที่ร้ายไปกว่านั้น บริษัทรถยนต์แห่งชาติได้แก่โปรตอนและเพอโรดัว ยังสามารถขอคืนค่าภาษีสรรพสามิตได้ถึงร้อยละ 50 ซึ่งมีผลให้รถยนต์แห่งชาติมีราคาจำหน่ายต่ำกว่ารถยนต์ยี่ห้ออื่น
          จากการปรับอัตราภาษีรถยนต์ที่ไร้ความจริงใจของรัฐบาลมาเลเซียและไม่เป็นไปตาม Spirit of ASEAN ทำให้บริษัทรถยนต์ต่างชาติลังเลใจและเฝ้ารอการประกาศนโยบายอุตสาหกรรมรถยนต์ของมาเลเซียฉบับใหม่ก่อนที่จะเข้ามาลงทุนในมาเลเซีย ซึ่งรัฐบาลมาเลเซียก็ตระหนักถึงปัญหาการยกเลิกหรือย้ายสถานที่ลงทุนไปยังประเทศอื่นของทุนต่างชาตินี้ดี จึงยังคงเลื่อนการใช้อัตราภาษีใหม่ไปจนถึงเดือนมิถุนายนและรีรอที่จะประกาศนโยบายอุตสาหกรรมรถยนต์ฉบับใหม่ต่อไป
          ปัจจุบันภาคอุตสาหกรรมรถยนต์ของมาเลเซียมีบริษัทประกอบรถยนต์จำนวน 34 บริษัท และผู้จำหน่ายชิ้นส่วนรถยนต์อีกหลายสิบราย มีการจ้างงานประมาณ 1 แสนคน ในปี 2004 มีการลงทุนสูงถึง 1.2 พันล้านริงกิต หรือประมาณ 0.3 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ
          ผู้บริหารในอุตสาหกรรมรถยนต์กล่าวว่า การที่มาเลเซียยังไม่เต็มใจที่จะเปิดเสรีตลาดรถยนต์เนื่องมาจากต้องการปกป้องรถยนต์แห่งชาติโปรตอน ซึ่งเป็นผลผลิตทางความคิดของอดีตนายกรัฐมนตรี Tun Dr.Mahathir Mohamad ซึ่งได้ก่อตั้งและผลิตรถยนต์โปรตอนมาตั้งแต่ปี 1985 ครอบครองตลาดรถยนต์นั่งในมาเลเซียถึงร้อยละ 40 ผู้เชี่ยวชาญทางด้านรถยนต์กล่าวว่ามีความเป็นไปได้ว่าโปรตอนจะสูญเสียส่วนแบ่งตลาดอย่างแน่นอนหากมีการเปิดตลาดเสรีในปี 2008 ทั้งนี้เนื่องมาจากคุณภาพและสมรรถนะของรถยนต์ต่ำมาก ทำให้ผู้บริโภคนิยมซื้อรถยนต์ยี่ห้ออื่นมีราคาแพงกว่า
          จากเหตุผลทางการเมือง เป็นไปได้ว่านายกรัฐมนตรี Datuk Seri Abdullah Ahmad Badawi จะไม่กล้าเปิดตลาดเสรีมากขึ้นเนื่องจากไม่ต้องการเผชิญกับนายกรัฐมนตรีคนก่อนที่ปัจจุบันเข้าไปดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาบริษัทโปรตอนตั้งแต่ปีที่แล้ว รวมทั้งอาจต้องเผชิญหน้ากับบริษัทเล็กๆ รายอื่นๆ ที่มีสายสัมพันธ์ทางการเมืองรวมทั้งบุคคลที่ถือใบอนุญาตของรัฐในการนำเข้ารถยนต์อีกด้วย
          ใบอนุญาตนำเข้ารถยนต์ที่เรียกว่า Approved Permits หรือ Aps เป็นใบอนุญาตที่ออกให้บุคคลใดบุคลหนึ่งเปรียบเสมือนการให้โควต้าในการนำเข้ารถยนต์แก่บุคคลนั้นๆ ด้วยเหตุผลที่ว่ารถยนต์ที่นำเข้ามาในประเทศมาเลเซียจะต้องมีการควบคุมก่อนที่จะจำหน่ายในประเทศ ใบ Aps ดังกล่าวออกโดยกระทรวงการค้าระหว่างประเทศและอุตสาหกรรม ปัจจุบันสามารถสร้างรายได้ให้กับผู้ถือใบอนุญาตดังกล่าวรวมกันถึงปีละ 270 ล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยผู้ถือ Aps สามารถขายสิทธิ์ในการนำเข้ารถยนต์ให้กับผู้จำหน่ายรถยนต์คันละ 10,000 50,000 ริงกิตขึ้นอยู่กับยี่ห้อและรุ่น และผู้จำหน่ายรถยนต์จะบวกต้นทุนดังกล่าวรวมกับราคารถยนต์และภาษีต่างๆ เป็นราคาขายในตลาด
          ข้อคิดเห็นสำนักงานฯ

          สำนักงานฯ มีความเห็นว่านโยบายอุตสาหกรรมรถยนต์ฉบับใหม่ที่จะประกาศออกมาจะยังคงให้การปกป้องรถยนต์แห่งชาติเช่นเดิมแต่อาจมีมาตรการใหม่ๆ บ้าง เพื่อจูงใจการลงทุนของต่างชาติไม่ให้เคลื่อนย้ายการลงทุนไปประเทศอื่น รวมทั้งใช้เป็นข้อต่อรองในการทำ FTA กับประเทศต่างๆ 


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น